เรียนรู้วิถีการรักษาผืนป่าของชุมชน
- DSJ field team 2
- 10 มิ.ย. 2563
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 11 มิ.ย. 2563
เรื่องเล่าชายแดนใต้วันนี้จะพาไปรู้จักกับภูเขาดอกไม้ เรียนรู้วิถีการรักษาผืนป่าของชุมชนที่ใครๆ ก็ทำได้ ขอเพียงมีใจรักษ์สิ่งแวดล้อมและเห็นคุณค่า

“บูเกะบูงอ” ในภาษามลายูหมายถึง “ภูเขาดอกไม้” อันเป็นเขาลูกเล็กๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลจอเบาะ รอยต่อตำบลยี่งอ อ.ยี่งอนราธิวาส เป็นป่าสงวนที่มีพื้นที่ประมาณ 600 กว่าไร ล้อมรอบด้วยสวนยางและชุมชน ที่นี่ห่างจากตัวเมืองนราธิวาสประมาณไม่เกิน 20 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่ป่าชุมชนที่คนในชุมชนจัดการอนุรักษ์และจัดการจนกลายเป็นพื้นที่เรียนรู้และศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
พื้นที่ป่าบูงอ หรือบูเกะบูงอ อันเป็นพื้นที่โครงการป่าชุมชนบ้านต้นตาล ม.2 ต.จอเบาะ อ.ยี่งอ ที่ชุมชนดำเนินการในพื้นที่ 200 ไร่นี้กลายเป็นป่าต้นน้ำของชุมชนที่ริเริ่มฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมในปี 2558 เริ่มจากชาวบ้านช่วยกันสร้างฝายชะลอน้ำหรือฝายชะลอความชุ่มชื้นตามแนวพระราชดำริขึ้นบนเขาลูกเล็กๆ นี้ขึ้น นายมะซี มะเกซง แกนนำคนรักษ์ป่าที่นี่เล่าให้ฟังว่า เพราะพื้นที่บนเขามีลักษณะเป็นดินทรายและมีหินภูเขาที่เป็นหินงอกหรือหินเขี้ยวหนุมานปะปนจำนวนมาก บางแห่งเป็นพื้นหินขนาดใหญ่ด้วย ทำให้ชาวชุมชนที่ช่วยกันทำฝายต้องใช้มือขุดดินออกเพื่อเป็นร่องน้ำทำฝาย เมื่อเริ่มมีฝายกั้นน้ำทำให้มีไม้ยืนต้นที่เติบโตขึ้นใหม่ตามลำน้ำมากขึ้น และยังทำให้มีปริมาณน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้นซึ่งเห็นได้จากบ่อน้ำชุมชนที่อยู่ด้านล่างมีน้ำใช้มากขึ้นแม้จะอยู่ตีนเขาก็ตาม
นายมะซี ยังบอกอีกว่าผลจากการทำงานของชุมชนทำให้ป่าชุมชนบ้านต้นตาลได้รับรางวัลด้านอนุรักษ์ป่าชุมชนในระดับประเทศหลายครั้งและที่นี่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน ของสถาบันการศึกษาในพื้นที่ที่ต้องการเรียนรู้วีถีการรักษาผืนป่า การจัดการน้ำและการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ป่าชุมชนมีฝายชะลอน้ำที่ชุมชนสร้างเอง ฝายที่นักเรียน นักศึกษาที่มาเรียนรู้ทำขึ้น มีการเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่าต่างๆ มีการเลี้ยงไก่เพื่อเก็บไข่ มีลังเลี้ยงผึ้งที่ได้รับการสนับสนุนจาก กอ.รมน.จังหวัดนราธิวาส มีแหล่งเรียนรู้การอนุรักษ์ป่าต่างๆ เช่น วิธีปลูกป่าด้วย “หนังสติ๊ก” การทำธนาคารใบไม้ การแปรรูปผลผลิตจากป่า อีกทั้งมีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นก็คือ บางช่วงเวลาจะมีนกเงือกบินมาหากินในพื้นที่ป่าแห่งนี้ด้วย นอกจากมีแหล่งเรียนรู้การรักษาป่าและทางชุมชนยังได้ทำสถานที่จุดชมวิวอีกด้วย
แม้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำที่ปกติจะไหลอยู่ในฝายจะแห้ง แต่จะเห็นว่าพื้นหญ้าในที่ที่เคยเป็นแอ่งน้ำยังคงเขียวอยู่ แม้แต่แอ่งน้ำที่เป็นธนาคารน้ำใต้ดินจะแห้งก็ตาม แต่เมื่อลองปั่นจักรยานปั่นชักน้ำที่สร้างทำไว้สักครูเดียวก็มีน้ำพุ่งออกมาจากท่อแล้ว ผลอีกประการหนึ่งก็คือ แม้จะเป็นช่วงหน้าแล้งแต่ระดับน้ำใต้ดินยังคงมีซึ่งเห็นได้จากบ่อน้ำในชุมชนที่ตีนเขาไม่ได้ลดลงอย่างมากเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีป่าชุมชน
หมายเหตุ ภาพถ่ายเป็นช่วงกลางเดือนเมษาหน้าร้อน น้ำแห้ง ภาพบางส่วนจาก Facebook
good job